ผ่านพ้นกันไปแล้วสำหรับบิ๊กแมทที่ว่ากันว่าหลายคนตั้งตาตั้งตารอชม ซึ่งเป็นการพบกันระหว่าง ปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด กับ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล และบทสรุปที่เราได้จากบิ๊กแมทนี้ก็คือ ทางด้านแมนฯยูไนเต็ดกลับมาประกาศศักดาความเป็นทีมชั้นยอดของพรีเมียร์ลีก อังกฤษอีกครั้งอย่างชนิดที่ต้องบอกว่าประกาศได้เต็มตัวสักทีล่ะครับ คือก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนหวั่นเกรงว่าแมนฯยูไนเต็ดในยุคเปลี่ยนถ่ายผู้จัดการทีมจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมาเป็นเดวิด มอยส์นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคตกต่ำหรือเปล่า หรือเดวิด มอยส์จะเป็นคนที่ใช่สำหรับทีมผีแดงจริงหรือเปล่า และอีกหลายๆคำถามที่เป็นไปในเชิงลบหน่อย
แต่ทว่าพอได้บทสรุปบิ๊กแมทที่กล่าวนั้น ผมว่าหลายคนคงดู หรือเชียร์แมนฯยูไนเต็ดจากนี้ไปได้อย่างสบายใจมากขึ้นแล้วล่ะ ว่าไปแล้วก็ทำให้นึกถึงทัศนะของนักเตะ หรืออดีตนักเตะบางคนที่ออกมากล่าวทำนองว่าแมนฯยูไนเต็ดยังไงก็คือแมนฯยูไนเต็ดวันยังค่ำ (คือจะบอกว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคอให้พวกเขาต้องพยายามเค้นฟอร์มกลับมาอยู่ในจุดที่พวกเขาควรจะอยู่อย่างนั้นก็ว่าได้ครับ) อีกนัยนึงก็อาจบอกได้ว่าพวกเขามีประวัติศาสตร์ความสำเร็จที่ยาวนานเกินไป และเกินกว่าที่จะทนดูมาตรฐานทีมของตัวเองตกลงไปดื้อๆได้ อย่างไรก็ตามบทสรุปของบิ๊กแมท (ปีศาจแดง – ปืนใหญ่) ที่ได้มานั้นไม่ใช่สำคัญแค่ว่าทำให้เราได้เห็นว่าฟอร์มที่ดีของแมนฯยูไนเต็ดกลับมาแล้วเท่านั้น
สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือพวกเขาได้ความมั่นใจมามากด้วย ฉะนั้นหลังจากนี้เราอาจจะได้เห็นพวกเขาเดินหน้าด้วยความมั่นใจที่มากกว่าเดิม โดยเฉพาะตัวกุนซือ “เดวิด มอยส์” ต่อไปจะได้รู้กันสักทีว่ามอยส์ และแมนฯยูไนเต็ดยุคนี้ เวลานี้ ที่กำลังมีความมั่นใจเปี่ยมล้น มีความพร้อม และมีสถานการณ์ที่เป็นใจอย่างนี้ จะทำผลงานได้ดีขนาดไหน หากว่าทำผลงานได้ดีมีลุ้นป้องกันแชมป์ไปยาวๆจนจบฤดูกาลแม้ท้ายที่สุดแล้วจะได้แชมป์หรือไม่ได้แชมป์ ผมว่าทุกคนก็คงคิดว่าเดวิด มอยส์ ดีพอที่จะก้าวต่อไปเพื่อสานความสำเร็จที่เคยมีมายาวนานในประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่ถ้าหากว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น คือหลังจากนี้แล้วมอยส์พาทีมกลับเข้าสู่ฟอร์มลุ่มๆดอนๆอีก ชนะบ้าง แพ้บ้าง เสมอบ้าง หล่นลงไปรั้งอันดับกลางๆตารางคะแนน แทบจะไม่ต้องบอกกันเลยว่าชัยชนะที่ได้จากบิ๊กแมทนี้มันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเพียงนัดหนึ่งเท่านั้น
